อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ค่าเงินยูโรยังคงแข็งค่าถึงแม้ว่าจะมีภัยคุกคามทางการค้าอย่างจริงจังจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่ค่าเงินปอนด์ยังคงลดลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากข้อมูลพื้นฐานที่อ่อนแอเกี่ยวกับดัชนีเศรษฐกิจหลักของประเทศนั้นๆ
ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา Donald Trump ได้ประกาศเรียกเก็บภาษี 30% แทนที่จะเป็น 10% ตามแผนเดิม กับประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลกดดันต่อค่าเงินยูโร การตัดสินใจครั้งนี้กระตุ้นให้เกิดคำวิจารณ์จากผู้นำและผู้เชี่ยวชาญของยุโรปที่กลัวผลกระทบต่อการค้าโลกและการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเยอรมนีได้เรียกการกระทำของ Trump ว่าเป็น "ขั้นตอนที่ไม่เป็นธรรมและก้าวร้าว" โดยเน้นว่าสหภาพยุโรปพร้อมที่จะดำเนินมาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน คำแถลงลักษณะเช่นนี้มีการออกจากประเทศอื่นในสหภาพยุโรปเช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในความสัมพันธ์ข้ามแอตแลนติก นักเศรษฐศาสตร์ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีใหม่ต่อราคาผู้บริโภคและอัตราเงินเฟ้อในยุโรป การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้านำเข้าอาจนำไปสู่การลดการใช้จ่ายของผู้บริโภคและเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
การรายงานข้อมูลอ่อนแอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ GDP และการผลิตอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากระตุ้นให้ค่าเงินปอนด์อังกฤษดิ่งลง นักลงทุนที่ตื่นตระหนกกับสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัวลงมีการขายเงินปอนด์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ค่าเงินนี้อ่อนลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร ตัวเลขที่เผยแพร่มีความเลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร
วันนี้ นอกเหนือจากการประชุมกลุ่ม Eurogroup แล้ว ไม่มีข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง โดยจะเป็นการหารือถึงมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ และความสัมพันธ์ทางการค้าต่อไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะกำหนดแนวโน้มระยะสั้นของค่าเงินยูโร การประชุมกลุ่ม Eurogroup ไม่ใช่เพียงการประชุมอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเงิน แต่เป็นเวทีสำหรับการสร้างจุดยืนร่วมกันในประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญ ในกรณีนี้เป็นการตอบสนองต่อการก้าวร้าวทางการค้าของสหรัฐฯ ตลาดจะจับตาดูสัญญาณที่ออกมาจากกรุงบรัสเซลส์อย่างใกล้ชิด การกล่าวถึงมาตรการตอบโต้ที่เป็นรูปธรรม เช่น การเก็บภาษีตอบโต้หรือการยื่นคำร้องต่อ WTO สามารถสร้างแรงกดดันมากต่อค่าเงินดอลลาร์ และในทางกลับกันจะช่วยสนับสนุนค่าเงินยูโร
วันนี้ไม่มีการคาดการณ์ข้อมูลสถิติจากสหราชอาณาจักร ซึ่งหมายถึงการกดดันต่อค่าเงินปอนด์อังกฤษในบริบทของแนวโน้มที่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
หากข้อมูลตรงตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ควรลงมือโดยใช้กลยุทธ์ Mean Reversion หากข้อมูลสูงหรือต่ำกว่าที่คาดหมายอย่างมีนัยสำคัญ กลยุทธ์ Momentum จะเหมาะสมกว่า
การซื้อตอนเกิด Breakout เหนือ 1.1690 อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นสู่ 1.1715 และ 1.1747
การขายตอนเกิด Breakout ต่ำกว่า 1.1666 อาจนำไปสู่การลดลงสู่ 1.1624 และ 1.1590
การซื้อตอนเกิด Breakout เหนือ 1.3480 อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นสู่ 1.3510 และ 1.3540
การขายตอนเกิด Breakout ต่ำกว่า 1.3450 อาจนำไปสู่การลดลงสู่ 1.3411 และ 1.3375
การซื้อตอนเกิด Breakout เหนือ 147.52 อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นสู่ 147.84 และ 148.20
การขายตอนเกิด Breakout ต่ำกว่า 147.18 อาจนำไปสู่การลดลงสู่ 146.78 และ 146.49
มองหาโอกาสในการขายหลังจากการทะลุที่ล้มเหลวเหนือระดับ 1.1704 และกลับมาต่ำกว่าระดับนี้
มองหาโอกาสในการซื้อหลังจากการทะลุที่ล้มเหลวต่ำกว่าระดับ 1.1664 และกลับมายังระดับนี้
จะมองหาโอกาสขายหลังจากที่เกิดการทะลุระดับ 1.3517 ที่ล้มเหลวและตามด้วยการกลับมาต่ำกว่าระดับนี้
จะมองหาโอกาสซื้อหลังจากที่เกิดการทะลุระดับ 1.3455 ที่ล้มเหลวและตามด้วยการกลับมาที่ระดับนี้
จะมองหาโอกาสในการขายหลังจากที่เกิดการทะลุขึ้นเหนือ 0.6592 แล้วไม่สำเร็จและกลับมาต่ำกว่าระดับนี้
จะมองหาโอกาสในการซื้อหลังจากที่เกิดการทะลุลงต่ำกว่า 0.6548 แล้วไม่สำเร็จและกลับไปยังระดับนี้
จะมองหาโอกาสในการขายหลังจากการพังทลายที่ล้มเหลวเหนือ 1.3710 และกลับลงมาต่ำกว่าระดับนี้
จะมองหาโอกาสในการซื้อหลังจากการพังทลายที่ล้มเหลวต่ำกว่า 1.3673 และกลับขึ้นมาที่ระดับนี้