อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ตลาดได้สะท้อนผลลัพธ์ของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนอย่างเต็มที่ ซึ่งได้ส่งผลให้เกิดการพักรบทางการค้าเป็นเวลา 90 วัน ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อ่อนกว่าที่คาดการณ์ไว้ ได้ลดทอนความมองโลกในแง่ดีในช่วงต้นสัปดาห์ลง
การเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นในตลาดเมื่อเร็วๆ นี้เริ่มสูญเสียแรงจูงใจ เนื่องจากการเปิดเผยรายงานทางเศรษฐกิจตลอดสัปดาห์ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการอ่อนตัวของอัตราเงินเฟ้อและตัวเลขยอดขายปลีกที่ไม่น่าประทับใจ พัฒนาการเหล่านี้ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการชะลอการใช้จ่ายของผู้บริโภค เป็นผลให้ผู้เข้าร่วมตลาดเริ่มพิจารณาความเป็นไปได้ของการเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เร็วกว่าที่คาดการณ์ในปีนี้ เราได้เห็นการเริ่มต้นของช่วงใหม่ของความไม่แน่นอน: ในด้านหนึ่ง ธนาคารกลางโดยนายเจอโรม พาวเวลต้องการระบุอย่างชัดเจนว่าจะยังไม่รีบร้อนที่จะกลับมาลดอัตราดอกเบี้ย ในอีกด้านหนึ่ง เงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างช้าๆ มาถึงอัตราต่อปี 2.3% โปรดทราบว่าอัตราเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางอยู่ที่ 2%
ท่ามกลางการสิ้นสุดของการฟื้นตัวและโอกาสที่ไม่ชัดเจนในการเดินหน้าของธนาคารกลางและการเจรจาการค้า เราควรคาดหวังสิ่งใด
มันชัดเจนว่าสหรัฐฯ ในปัจจุบันยังขาดความสามารถทางเศรษฐกิจในการสร้างฐานอุตสาหกรรมภายในประเทศขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ความพยายามในขณะนี้จัดอยู่บนพื้นฐานของการล่อบริษัทต่างๆ จากยุโรปและปรเทศอื่นๆ กลับสู่สหรัฐฯ และใช้แรงกดดันที่ชัดแจ้งต่อคู่ค้าของตน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าโดนัลด์ ทรัมป์จะยังคงใช้ประโยชน์จากแรงกดดันทางการเมือง ซึ่งจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดวิกฤตระดับโลก
ภายใต้สภาพเหล่านี้ เราควรคาดหวังการไม่มีแนวโน้มที่ยั่งยืน ความผันผวนที่สูง และความรู้สึกไม่สบายใจทั่วไปในตลาด
เราคาดหวังอะไรในตลาดวันนี้?
ผมเชื่อว่าดอลลาร์สหรัฐอาจยังคงลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าฝ่ายบริหารของทรัมป์ต้องการให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเพื่อรักษาการแข่งขันในระดับโลก ความคิดเห็นนี้เข้าใจได้ เนื่องจากบริษัทอเมริกันประสบกับความท้าทายอย่างมากในตลาดต่างประเทศเนื่องจากค่าจ้างในประเทศที่สูง ในสภาพแวดล้อมนี้ โดยที่อัตราเงินเฟ้ออาจลดลงสู่ 2% ดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะยังคงถูกกดดัน ในขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นอาจยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงขับจากการคาดการณ์ถึงการกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ เร็วขึ้น
ทองคำยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันท่ามกลางการลดลงของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การเริ่มต้นเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันทองคำ ราคาหล่นลงต่ำกว่าระดับแนวรับที่ 3210.00 ซึ่งอาจเปิดทางให้ราคาลดลงต่อไปที่ระดับ 3152.90 โดยระดับ 61.75 อาจใช้เป็นจุดขายได้
น้ำมันดิบ WTI กำลังซื้อขายอยู่ต่ำกว่าระดับ 62.00 ท่าทีของ OPEC+ ในการเพิ่มการส่งออกและความต้องการน้ำมันดิบที่อ่อนแอลงส่งผลกดดันราคาลง ราคาอาจมีการดีดกลับไปที่ 62.00 ซึ่งผมเชื่อว่าควรจะขายที่จุดนี้โดยมีเป้าหมายที่ 59.80 ระดับ 3201.48 อาจใช้เป็นจุดเข้าขายได้
You have already liked this post today
*บทวิเคราะห์ในตลาดที่มีการโพสต์ตรงนี้ เพียงเพื่อทำให้คุณทราบถึงข้อมูล ไม่ได้เป็นการเจาะจงถึงขั้นตอนให้คุณทำการซื้อขายตาม